นสต.=นักเรียนนายสิบตำรวจ
เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ก็ไม่เชิงแอบชอบค่ะเรื่องกันเลยนะคะ คือเราเจอผู้ชายคนนี้จากการทำงานค่ะเค้าเป็นลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านที่เราทำงานอยู่ค่ะ (เป็นร้านแบบเกี่ยวกับดูแลสุขภาพและความงามประมาณนี้ค่ะ)คือเค้าจะมากับพ่อเค้าค่ะ มาประจำเลย เราเห็นเค้าแรกๆก็ไม่ได้อะไรนะคะเฉยๆค่ะ หน้าตาเค้าก็ดูธรรมดาๆนะคะขาวๆก็ปล่อยผ่านไปค่ะมีวันนึงค่ะ เราเห็นเค้าคุยกับคนที่ทำงานเรานี่แหละค่ะ ท่าทางคำพูดของเค้าดูสุภาพอ่อนโยน มันดูดีมากๆเลยค่ะที่สำคัญก็คือรอยยิ้มของเค้ามันเหมือนอะไรดึงดูดเราเลยค่ะความรู้สึกตอนนั้นก็คือว่ามันเฉยไม่ได้แล้วค่ะมันแบบอยากทำความรู้จักกับเค้าให้มากขึ้น เลยถามจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆก็ทราบมาว่าเค้าสอบนักเรียนนายสิบตำรวจค่ะ คือถ้าเค้าสอบติดเค้าก็ต้องไปเรียน จะไม่มาร้านเราอีกค่ะ เราตอนนั้นคือก็เริ่มแสดงออกท่าทีว่าแอบปลื้มๆเค้าแหละค่ะ จนเพื่อนๆที่ทำงานเราก็ชอบแซว รวมถึงพ่อเค้าด้วยค่ะ พ่อเค้าก็แซวค่ะ แบบให้เราขอเบอร์ลูกชายเค้าก็มีนะคะ5555แต่เราก็ยังไม่ได้คุยกันจริงๆจังๆสักทีค่ะ เรียกว่าไม่คุยเลยดีกว่า มีแต่ยิ้มๆให้กันแค่นั้น เราเริ่มปรึกษาพี่ที่ทำงานคนนึงค่ะ คนที่ใกล้ชิดกับเค้า ว่าเราควรจะทำไงดี แบบมันนิ่งเกินไปรึป่าว ต่างคนต่างเงียบกันไปมา พี่เค้าก็บอกว่าให้รอดูท่าทีเค้าที่มีต่อเราค่ะ เพราะตอนนี้เค้าเริ่มรู้แล้วว่าเราชอบ คือเราอายุมากกว่าเค้านะคะประมาณ 1 ปี ก็รุ่นราวคราวเดียวกันแหละค่ะต่อนะคะ เราก็รอค่ะ พอถึงตอนเค้ามาที่ร้านเราก็สวัสดีเค้าตามปกติค่ะ แต่ที่เป็นเหตุทำให้เรามีหวังก็คือ เค้ามองตาเราค่ะ พร้อมแบบมียิ้มเล็กๆค่ะ เป็นสายตาและรอยยิ้มแบบละลายค่ะ ตายๆๆไปเลยค่ะ😚😚คืนนั้นเราเลยตัดสินใจค่ะว่าอยากจะสานสัมพันธ์ต่อ เราเลยเริ่มหาเฟสบุ๊คเค้าค่ะ หาสักพักก็ไม่เจอค่ะ แต่เราเจอเฟสบุ๊คของพ่อเค้าค่ะ เราก็หาเฟสบุ๊คเค้าจากคุณพ่อและค่ะแล้วก็เจอค่ะ เราเลยตัดสินใจแอดเฟสไปค่ะสักแป๊บนึงเค้าก็รับนะคะแบบไม่นานมากไม่เร็วมาก แต่เราก็ยังไม่ได้ทักไปค่ะคือไม่กล้าค่ะ เราก็มาคุยกับพี่ที่ทำงานค่ะซึ่งพี่คนนี้เป็นพี่ที่สนิทมากๆเขาก็เอา Facebook ของเราค่ะทักผู้ชายคนนี้ไปส่งสติ๊กเกอร์ไปค่ะ ตอนนั้นเราตื่นเต้นมากๆแบบกลัวว่าเค้าจะไม่ตอบมากๆ เราหาอย่างอื่นทำค่ะเพื่อไม่ไปสนใจว่าเค้าจะตอบกลับมาหรือไม่ตอบแต่มันก็เฝ้ารอคอยอยู่นะคะแล้วเราก็รอไปค่ะสักพักใหญ่ๆ Facebook เค้าขึ้นออนบ้างนะคะหายบ้างแต่ก็ไม่ตอบเราเลยค่ะ เราก็เริ่มจะถอดใจแล้วค่ะผิดหวังเบาๆเราก็นั่งทานข้าวค่ะแบบไม่ได้สนใจอะไรสักพักหนึ่งเค้าก็ตอบเป็นสติ๊กเกอร์กลับมาค่ะซึ่งตอนนั้นดีใจมากๆค่ะทำอะไรไม่ถูกเลยเราเว้นช่วงไว้สักแป๊บนึงค่ะเราถึงจะตอบก็ชวนคุยกันปกติค่ะจะสรุปย่อตรงนี้นะคะก็ คุยกันแบบธรรมดาทั่วไปค่ะเราถามบ้างค้าถามบ้างแรกๆก็ยังไม่มีอะไรมากค่ะ พอมาถึงตรงนี้ก็เหลือเวลาอีก 2 วันค่ะ ที่เค้าจะประกาศผลว่าเค้าสอบติดนักเรียนนายสิบตำรวจหรือเปล่า2 วันนั้นเค้ากับพ่อก็มาที่ร้านเราตามปกติค่ะ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ ทุกครั้งเวลาที่มาพ่อเค้าจะมาซื้อน้ำ 2 ขวดค่ะให้ลูกเขาขวดนึง แต่วันนั้นพ่อเค้าซื้อเสร็จแล้วบอกให้เราเอาไปให้ลูกชายเค้าค่ะ ซึ่งเราก็แปลกใจมากๆตอนแรกก็ปฏิเสธค่ะแต่คุณพ่อเค้าก็คะยั้นคะยอค่ะ เราก็เอาไปให้ค่ะแบบดีใจปนเขินเขินเรายื่นน้ำให้เค้าค่ะแล้วก็พูดว่าคุณพ่อให้เอาน้ำมาให้ค่ะ เค้าก็รับน้ำค่ะแล้วก็พูดขอบคุณครับและรอยยิ้มแบบว่ามันดีมากๆเลยอ่ะค่ะ วันต่อมาก็คือวันสุดท้ายที่เขาจะมาที่ร้าน พ่อเขาก็ทำเหมือนเดิมค่ะ คือเอาตรงๆตั้งแต่เราชอบลูกชายเค้ามาคุณพ่อเขาน่ารักมากเลยนะคะเหมือนคอยสนับสนุนเราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรค่ะพอตอนจะกลับ คุณพ่อเค้าก็ถามว่าคุยกันหรือยังเราก็ตอบไปแบบเขินๆว่าคุยแล้วค่ะแล้วก็มาถึงวันที่ประกาศผลค่ะ เราไปเข้าเว็บเพื่อดูว่าเค้าสอบติดไหมตั้งแต่ตี 5 ค่ะ โดยที่ไม่ได้บอกเค้าค่ะ พอตอนสักสายๆค่ะเรารอเค้าตื่นแล้วก็ทักไปถามค่ะว่าเป็นยังไงบ้างสอบติดหรือเปล่าแต่ในใจตอนนั้นคือรู้แล้วค่ะว่าเขาสอบติด เค้าก็ตอบกลับมาค่ะว่าเค้าสอบติดแล้วนะ แล้วก็แสดงความยินดีกับเค้าค่ะ นับจากวันที่ประกาศผลก็เหลือเวลาอีก 2 วันค่ะเค้าต้องเข้าไปเรียนแล้วก็จะไม่ได้คุยกันค่ะตอนนั้นคือรู้สึกว่าเหมือนอยากจะบอกอะไรเค้าอยากบอกเค้าไปตรงๆเลยค่ะว่าเรารู้สึกยังไงกับเค้าสิ่งที่มันทำให้เรากล้าคิดที่จะทำแบบนี้ก็คือตลอดระยะเวลาที่คุยกันมันโอเคมากนะคะ การพูดการจาบางครั้งมันไม่ได้ตอบแบบมารยาทหรืออะไรนะคะมันเป็นการคุยกันแบบ ถามว่าทำอะไรคำถามเดิมๆในทุกๆวันแต่มันไม่เหมือนเดิมมันมีความรู้สึกพิเศษมากกว่านั้นมันเป็นความรู้สึกพิเศษที่เรารู้สึกได้ค่ะสำหรับคนสองคนที่คุยกัน หลังๆมานี้เค้าเริ่มมีลูกหยอดลูกตามค่ะเค้าน่ารักนะคะ คุยกับเค้าแล้วเรามีความสุขค่ะ มันไม่ใช่การที่เราถามเค้าอยู่ฝ่ายเดียวแล้วค่ะมันเริ่มเป็นความสัมพันธ์ที่คนสองคนคุยกันแล้วมันโอเคค่ะ ตอนนั้นเราอยู่ในช่วงจะสอบ เค้าก็เป็นกำลังใจให้เราตลอดค่ะ เราป่วยเค้าก็แบบเป็นห่วงเป็นใยคอยถามไถ่ตลอด เราตัดสินใจปรึกษาเพื่อนสนิทคนนึงค่ะว่าเราจะบอกความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเค้าดีไหมเพราะอีก1วัน เค้าจะต้องเข้าไปเรียนแล้วค่ะแล้วก็ไม่รู้จะได้คุยกันอีกเมื่อไหร่ เรากล้าๆกลัวๆอยู่พักใหญ่ค่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจพิมพ์ส่งไปในคืนนั้นเลยค่ะก็เป็นข้อความที่ค่อนข้างยาวอยู่มันไม่ได้เวอร์ไม่ได้น้ำเน่านะคะมันเป็นข้อความที่ออกมาจากความรู้สึก แล้วก็เป็นการให้กำลังใจในการที่เค้าเข้าไปเรียน เหมือนเดิมเลยค่ะว่าทำอะไรลงไปแล้วไม่ค่อยกล้ารับผล ตั้งแต่พิมพ์ข้อความส่งไปให้เค้าเราก็ไม่กล้าแตะโทรศัพท์เลยค่ะจนถึงเช้าเพราะไม่กล้าดูคำตอบที่เค้าจะส่งมา ในที่สุดเค้าก็ตอบมาค่ะเป็นการตอบมาในทำนองที่ว่าเค้าก็รู้สึกดีกับเราเหมือนกัน เราก็เลยถามเค้าไปว่า มีคนอื่นหรือเปล่าหมายถึงคนที่คุยอยู่อ่ะค่ะถ้ามีบอกเราเลยนะเราจะได้ถอยเค้าก็บอกเรานะคะว่าเค้าไม่ได้มีใครแต่ก็ไม่อยากให้เราคิดมาก ช่วงที่เค้าตอบเรากลับมาตอนนั้นงานเรายุ่งๆด้วยค่ะเราเลยไม่ได้ตอบเค้ากลับไปสักประมาณ 2 ชั่วโมงได้ เค้าก็ส่งข้อความมาถามเราค่ะว่าเป็นอะไรหรือเปล่าตอนนั้นเราดีใจมากนะคะเหมือนเค้าแคร์เราอยู่ค่ะเราเลยอธิบายไปว่ายุ่งๆหลังจากนั้นก็คุยกันปกติค่ะแต่คืนนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรมากเพราะตอนเช้าเค้าต้องไปเรียนแล้วค่ะเราก็เลยบอกให้เค้านอนไวๆ พอตอนเช้าค่ะ เค้าก็ทักมาร่ำลาเราค่ะว่าจะไปเรียนแล้วแล้วก็สัญญากันค่ะว่าเค้าจะกลับมาแล้วจะเจอกัน แล้วก็บอกเค้าว่าอย่าลืมเรานะ เค้าก็บอกว่าเค้าจะไม่ลืม หลังจากนั้นเค้าก็หายไปค่ะเค้าเข้าไปเรียนแล้วค่ะไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย หลังจากนั้นเราก็แอบเศร้าๆค่ะแต่ก็ไม่ได้มีเวลาเศร้ามากสักเท่าไหร่เราก็ถือช่วงที่จะใกล้สอบแล้วก็มีบ้างที่เพ้อหาเค้าใน Facebook ส่วนตัวใน Instagram ก็มีบ้างค่ะเราติดเป็น Hashtag ของเค้าโดยเฉพาะเลยนะคะเพื่อบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่เค้าไป เราได้ไปหาเพจค่ะเป็นเพจของนักเรียนนายสิบตำรวจที่เค้าไปฝึกอยู่ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวของเค้าว่าวันๆทำอะไรบ้างไม่เห็นภาพเค้าผ่านทางเพจใน Facebook มันดีใจมากๆเลยนะคะ และเราก็ตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาเค้าค่ะช่วงนั้นเป็นช่วงวาเลนไทน์พอดี ก็เขียนไปบอกเค้าให้กำลังใจเค้าแล้วก็เล่าเรื่องราวต่างๆให้เค้าฟัง แต่ก็มีพิมพ์ไปในแชทส่วนตัวก็มีนะคะ ก็รอให้เค้ากลับมาอ่านค่ะ วันๆเราก็อ่านหนังสือสอบบ้างทำงานบ้างแล้วก็คอยเฝ้าติดตามเขาผ่านทางเพจของนักเรียนตำรวจค่ะ มีการไลฟ์สดแล้วก็เข้าไปดูค่ะวันนึงค่ะมีโพสต์ที่แจ้งว่าเค้าได้รับจดหมายมันเป็นรูปเค้าถือซองจดหมายของเราตอนนั้นน้ำตาไหลเลยค่ะมันดีใจมากๆ มันเป็นความคิดถึงที่ถูกส่งไปถึงแล้ว เราเฝ้ารอคอยค่ะจนระยะเวลาผ่านไป 1 เดือนเค้ากลับมาค่ะ เค้าทักเรามารู้สึกดีใจมากค่ะ. เราคุยกันเหมือนเดิมค่ะเค้ามีหยอดเราบ้างเหมือนเดิมที่เค้าเคยทำ ค่ะเราก็บอกเค้าไปค่ะว่าเราคิดถึงก็มันคิดถึงจริงๆนี่คะเค้าก็ตอบกลับมาค่ะว่าเหมือนกัน5555การคุยกันครั้งนี้มันดูมีอะไรค่ะมันดูพิเศษเริ่มจากตัวเค้าค่ะ คืนนั้นเรานอนดึกมากๆค่ะเพราะว่าอยากคุยกับเค้า แต่เราก็เผลอหลับไปก่อนค่ะเค้าก็ส่งข้อความมาบอกให้เราฝันดีเหมือนเดิมที่เค้าชอบทำค่ะตอนเช้าเราตื่นมาก็เพราะเสียงจากการแจ้งเตือนของเค้าแหละค่ะเค้าปลุกเราค่ะ เรารู้สึกดีมากๆเลยค่ะ เค้าากลับมาแค่ 2-3 วันค่ะเค้าาก็ต้องกลับไปฝึกต่อ แต่เค้าก็จะได้กลับมาทุกวันศุกร์แล้วกลับไปเรียนทุกวันอาทิตย์เรามีคำถามในใจค่ะที่อยากจะขอความคิดเห็นจากทุกคเราควรจะเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ดีคะเราควรจะสารภาพกับเค้าไม่ตรงๆเลยไหม ว่ามันมีแต่ความรู้สึกดีๆมากขึ้นมากขึ้นไปอีกเราอยากขยับความสัมพันธ์ครั้งนี้ค่ะหรือว่ามันอยู่แบบนี้ดีแล้วคะ ขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆทุกคนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
PS. ตลอดเวลาที่รอเค้าเรามีแค่เค้าคนเดียวนะคะและอยากอยู่ข้างๆเค้าตลอดไป จนถึงวันที่เค้าปะสบความสำเร็จ
แอบชอบ นสต. ที่คุยๆกันอยู่ อยากสานสัมพันธ์ยาวๆ
เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ก็ไม่เชิงแอบชอบค่ะเรื่องกันเลยนะคะ คือเราเจอผู้ชายคนนี้จากการทำงานค่ะเค้าเป็นลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านที่เราทำงานอยู่ค่ะ (เป็นร้านแบบเกี่ยวกับดูแลสุขภาพและความงามประมาณนี้ค่ะ)คือเค้าจะมากับพ่อเค้าค่ะ มาประจำเลย เราเห็นเค้าแรกๆก็ไม่ได้อะไรนะคะเฉยๆค่ะ หน้าตาเค้าก็ดูธรรมดาๆนะคะขาวๆก็ปล่อยผ่านไปค่ะมีวันนึงค่ะ เราเห็นเค้าคุยกับคนที่ทำงานเรานี่แหละค่ะ ท่าทางคำพูดของเค้าดูสุภาพอ่อนโยน มันดูดีมากๆเลยค่ะที่สำคัญก็คือรอยยิ้มของเค้ามันเหมือนอะไรดึงดูดเราเลยค่ะความรู้สึกตอนนั้นก็คือว่ามันเฉยไม่ได้แล้วค่ะมันแบบอยากทำความรู้จักกับเค้าให้มากขึ้น เลยถามจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆก็ทราบมาว่าเค้าสอบนักเรียนนายสิบตำรวจค่ะ คือถ้าเค้าสอบติดเค้าก็ต้องไปเรียน จะไม่มาร้านเราอีกค่ะ เราตอนนั้นคือก็เริ่มแสดงออกท่าทีว่าแอบปลื้มๆเค้าแหละค่ะ จนเพื่อนๆที่ทำงานเราก็ชอบแซว รวมถึงพ่อเค้าด้วยค่ะ พ่อเค้าก็แซวค่ะ แบบให้เราขอเบอร์ลูกชายเค้าก็มีนะคะ5555แต่เราก็ยังไม่ได้คุยกันจริงๆจังๆสักทีค่ะ เรียกว่าไม่คุยเลยดีกว่า มีแต่ยิ้มๆให้กันแค่นั้น เราเริ่มปรึกษาพี่ที่ทำงานคนนึงค่ะ คนที่ใกล้ชิดกับเค้า ว่าเราควรจะทำไงดี แบบมันนิ่งเกินไปรึป่าว ต่างคนต่างเงียบกันไปมา พี่เค้าก็บอกว่าให้รอดูท่าทีเค้าที่มีต่อเราค่ะ เพราะตอนนี้เค้าเริ่มรู้แล้วว่าเราชอบ คือเราอายุมากกว่าเค้านะคะประมาณ 1 ปี ก็รุ่นราวคราวเดียวกันแหละค่ะต่อนะคะ เราก็รอค่ะ พอถึงตอนเค้ามาที่ร้านเราก็สวัสดีเค้าตามปกติค่ะ แต่ที่เป็นเหตุทำให้เรามีหวังก็คือ เค้ามองตาเราค่ะ พร้อมแบบมียิ้มเล็กๆค่ะ เป็นสายตาและรอยยิ้มแบบละลายค่ะ ตายๆๆไปเลยค่ะ😚😚คืนนั้นเราเลยตัดสินใจค่ะว่าอยากจะสานสัมพันธ์ต่อ เราเลยเริ่มหาเฟสบุ๊คเค้าค่ะ หาสักพักก็ไม่เจอค่ะ แต่เราเจอเฟสบุ๊คของพ่อเค้าค่ะ เราก็หาเฟสบุ๊คเค้าจากคุณพ่อและค่ะแล้วก็เจอค่ะ เราเลยตัดสินใจแอดเฟสไปค่ะสักแป๊บนึงเค้าก็รับนะคะแบบไม่นานมากไม่เร็วมาก แต่เราก็ยังไม่ได้ทักไปค่ะคือไม่กล้าค่ะ เราก็มาคุยกับพี่ที่ทำงานค่ะซึ่งพี่คนนี้เป็นพี่ที่สนิทมากๆเขาก็เอา Facebook ของเราค่ะทักผู้ชายคนนี้ไปส่งสติ๊กเกอร์ไปค่ะ ตอนนั้นเราตื่นเต้นมากๆแบบกลัวว่าเค้าจะไม่ตอบมากๆ เราหาอย่างอื่นทำค่ะเพื่อไม่ไปสนใจว่าเค้าจะตอบกลับมาหรือไม่ตอบแต่มันก็เฝ้ารอคอยอยู่นะคะแล้วเราก็รอไปค่ะสักพักใหญ่ๆ Facebook เค้าขึ้นออนบ้างนะคะหายบ้างแต่ก็ไม่ตอบเราเลยค่ะ เราก็เริ่มจะถอดใจแล้วค่ะผิดหวังเบาๆเราก็นั่งทานข้าวค่ะแบบไม่ได้สนใจอะไรสักพักหนึ่งเค้าก็ตอบเป็นสติ๊กเกอร์กลับมาค่ะซึ่งตอนนั้นดีใจมากๆค่ะทำอะไรไม่ถูกเลยเราเว้นช่วงไว้สักแป๊บนึงค่ะเราถึงจะตอบก็ชวนคุยกันปกติค่ะจะสรุปย่อตรงนี้นะคะก็ คุยกันแบบธรรมดาทั่วไปค่ะเราถามบ้างค้าถามบ้างแรกๆก็ยังไม่มีอะไรมากค่ะ พอมาถึงตรงนี้ก็เหลือเวลาอีก 2 วันค่ะ ที่เค้าจะประกาศผลว่าเค้าสอบติดนักเรียนนายสิบตำรวจหรือเปล่า2 วันนั้นเค้ากับพ่อก็มาที่ร้านเราตามปกติค่ะ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ ทุกครั้งเวลาที่มาพ่อเค้าจะมาซื้อน้ำ 2 ขวดค่ะให้ลูกเขาขวดนึง แต่วันนั้นพ่อเค้าซื้อเสร็จแล้วบอกให้เราเอาไปให้ลูกชายเค้าค่ะ ซึ่งเราก็แปลกใจมากๆตอนแรกก็ปฏิเสธค่ะแต่คุณพ่อเค้าก็คะยั้นคะยอค่ะ เราก็เอาไปให้ค่ะแบบดีใจปนเขินเขินเรายื่นน้ำให้เค้าค่ะแล้วก็พูดว่าคุณพ่อให้เอาน้ำมาให้ค่ะ เค้าก็รับน้ำค่ะแล้วก็พูดขอบคุณครับและรอยยิ้มแบบว่ามันดีมากๆเลยอ่ะค่ะ วันต่อมาก็คือวันสุดท้ายที่เขาจะมาที่ร้าน พ่อเขาก็ทำเหมือนเดิมค่ะ คือเอาตรงๆตั้งแต่เราชอบลูกชายเค้ามาคุณพ่อเขาน่ารักมากเลยนะคะเหมือนคอยสนับสนุนเราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรค่ะพอตอนจะกลับ คุณพ่อเค้าก็ถามว่าคุยกันหรือยังเราก็ตอบไปแบบเขินๆว่าคุยแล้วค่ะแล้วก็มาถึงวันที่ประกาศผลค่ะ เราไปเข้าเว็บเพื่อดูว่าเค้าสอบติดไหมตั้งแต่ตี 5 ค่ะ โดยที่ไม่ได้บอกเค้าค่ะ พอตอนสักสายๆค่ะเรารอเค้าตื่นแล้วก็ทักไปถามค่ะว่าเป็นยังไงบ้างสอบติดหรือเปล่าแต่ในใจตอนนั้นคือรู้แล้วค่ะว่าเขาสอบติด เค้าก็ตอบกลับมาค่ะว่าเค้าสอบติดแล้วนะ แล้วก็แสดงความยินดีกับเค้าค่ะ นับจากวันที่ประกาศผลก็เหลือเวลาอีก 2 วันค่ะเค้าต้องเข้าไปเรียนแล้วก็จะไม่ได้คุยกันค่ะตอนนั้นคือรู้สึกว่าเหมือนอยากจะบอกอะไรเค้าอยากบอกเค้าไปตรงๆเลยค่ะว่าเรารู้สึกยังไงกับเค้าสิ่งที่มันทำให้เรากล้าคิดที่จะทำแบบนี้ก็คือตลอดระยะเวลาที่คุยกันมันโอเคมากนะคะ การพูดการจาบางครั้งมันไม่ได้ตอบแบบมารยาทหรืออะไรนะคะมันเป็นการคุยกันแบบ ถามว่าทำอะไรคำถามเดิมๆในทุกๆวันแต่มันไม่เหมือนเดิมมันมีความรู้สึกพิเศษมากกว่านั้นมันเป็นความรู้สึกพิเศษที่เรารู้สึกได้ค่ะสำหรับคนสองคนที่คุยกัน หลังๆมานี้เค้าเริ่มมีลูกหยอดลูกตามค่ะเค้าน่ารักนะคะ คุยกับเค้าแล้วเรามีความสุขค่ะ มันไม่ใช่การที่เราถามเค้าอยู่ฝ่ายเดียวแล้วค่ะมันเริ่มเป็นความสัมพันธ์ที่คนสองคนคุยกันแล้วมันโอเคค่ะ ตอนนั้นเราอยู่ในช่วงจะสอบ เค้าก็เป็นกำลังใจให้เราตลอดค่ะ เราป่วยเค้าก็แบบเป็นห่วงเป็นใยคอยถามไถ่ตลอด เราตัดสินใจปรึกษาเพื่อนสนิทคนนึงค่ะว่าเราจะบอกความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเค้าดีไหมเพราะอีก1วัน เค้าจะต้องเข้าไปเรียนแล้วค่ะแล้วก็ไม่รู้จะได้คุยกันอีกเมื่อไหร่ เรากล้าๆกลัวๆอยู่พักใหญ่ค่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจพิมพ์ส่งไปในคืนนั้นเลยค่ะก็เป็นข้อความที่ค่อนข้างยาวอยู่มันไม่ได้เวอร์ไม่ได้น้ำเน่านะคะมันเป็นข้อความที่ออกมาจากความรู้สึก แล้วก็เป็นการให้กำลังใจในการที่เค้าเข้าไปเรียน เหมือนเดิมเลยค่ะว่าทำอะไรลงไปแล้วไม่ค่อยกล้ารับผล ตั้งแต่พิมพ์ข้อความส่งไปให้เค้าเราก็ไม่กล้าแตะโทรศัพท์เลยค่ะจนถึงเช้าเพราะไม่กล้าดูคำตอบที่เค้าจะส่งมา ในที่สุดเค้าก็ตอบมาค่ะเป็นการตอบมาในทำนองที่ว่าเค้าก็รู้สึกดีกับเราเหมือนกัน เราก็เลยถามเค้าไปว่า มีคนอื่นหรือเปล่าหมายถึงคนที่คุยอยู่อ่ะค่ะถ้ามีบอกเราเลยนะเราจะได้ถอยเค้าก็บอกเรานะคะว่าเค้าไม่ได้มีใครแต่ก็ไม่อยากให้เราคิดมาก ช่วงที่เค้าตอบเรากลับมาตอนนั้นงานเรายุ่งๆด้วยค่ะเราเลยไม่ได้ตอบเค้ากลับไปสักประมาณ 2 ชั่วโมงได้ เค้าก็ส่งข้อความมาถามเราค่ะว่าเป็นอะไรหรือเปล่าตอนนั้นเราดีใจมากนะคะเหมือนเค้าแคร์เราอยู่ค่ะเราเลยอธิบายไปว่ายุ่งๆหลังจากนั้นก็คุยกันปกติค่ะแต่คืนนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรมากเพราะตอนเช้าเค้าต้องไปเรียนแล้วค่ะเราก็เลยบอกให้เค้านอนไวๆ พอตอนเช้าค่ะ เค้าก็ทักมาร่ำลาเราค่ะว่าจะไปเรียนแล้วแล้วก็สัญญากันค่ะว่าเค้าจะกลับมาแล้วจะเจอกัน แล้วก็บอกเค้าว่าอย่าลืมเรานะ เค้าก็บอกว่าเค้าจะไม่ลืม หลังจากนั้นเค้าก็หายไปค่ะเค้าเข้าไปเรียนแล้วค่ะไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย หลังจากนั้นเราก็แอบเศร้าๆค่ะแต่ก็ไม่ได้มีเวลาเศร้ามากสักเท่าไหร่เราก็ถือช่วงที่จะใกล้สอบแล้วก็มีบ้างที่เพ้อหาเค้าใน Facebook ส่วนตัวใน Instagram ก็มีบ้างค่ะเราติดเป็น Hashtag ของเค้าโดยเฉพาะเลยนะคะเพื่อบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่เค้าไป เราได้ไปหาเพจค่ะเป็นเพจของนักเรียนนายสิบตำรวจที่เค้าไปฝึกอยู่ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวของเค้าว่าวันๆทำอะไรบ้างไม่เห็นภาพเค้าผ่านทางเพจใน Facebook มันดีใจมากๆเลยนะคะ และเราก็ตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาเค้าค่ะช่วงนั้นเป็นช่วงวาเลนไทน์พอดี ก็เขียนไปบอกเค้าให้กำลังใจเค้าแล้วก็เล่าเรื่องราวต่างๆให้เค้าฟัง แต่ก็มีพิมพ์ไปในแชทส่วนตัวก็มีนะคะ ก็รอให้เค้ากลับมาอ่านค่ะ วันๆเราก็อ่านหนังสือสอบบ้างทำงานบ้างแล้วก็คอยเฝ้าติดตามเขาผ่านทางเพจของนักเรียนตำรวจค่ะ มีการไลฟ์สดแล้วก็เข้าไปดูค่ะวันนึงค่ะมีโพสต์ที่แจ้งว่าเค้าได้รับจดหมายมันเป็นรูปเค้าถือซองจดหมายของเราตอนนั้นน้ำตาไหลเลยค่ะมันดีใจมากๆ มันเป็นความคิดถึงที่ถูกส่งไปถึงแล้ว เราเฝ้ารอคอยค่ะจนระยะเวลาผ่านไป 1 เดือนเค้ากลับมาค่ะ เค้าทักเรามารู้สึกดีใจมากค่ะ. เราคุยกันเหมือนเดิมค่ะเค้ามีหยอดเราบ้างเหมือนเดิมที่เค้าเคยทำ ค่ะเราก็บอกเค้าไปค่ะว่าเราคิดถึงก็มันคิดถึงจริงๆนี่คะเค้าก็ตอบกลับมาค่ะว่าเหมือนกัน5555การคุยกันครั้งนี้มันดูมีอะไรค่ะมันดูพิเศษเริ่มจากตัวเค้าค่ะ คืนนั้นเรานอนดึกมากๆค่ะเพราะว่าอยากคุยกับเค้า แต่เราก็เผลอหลับไปก่อนค่ะเค้าก็ส่งข้อความมาบอกให้เราฝันดีเหมือนเดิมที่เค้าชอบทำค่ะตอนเช้าเราตื่นมาก็เพราะเสียงจากการแจ้งเตือนของเค้าแหละค่ะเค้าปลุกเราค่ะ เรารู้สึกดีมากๆเลยค่ะ เค้าากลับมาแค่ 2-3 วันค่ะเค้าาก็ต้องกลับไปฝึกต่อ แต่เค้าก็จะได้กลับมาทุกวันศุกร์แล้วกลับไปเรียนทุกวันอาทิตย์เรามีคำถามในใจค่ะที่อยากจะขอความคิดเห็นจากทุกคเราควรจะเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ดีคะเราควรจะสารภาพกับเค้าไม่ตรงๆเลยไหม ว่ามันมีแต่ความรู้สึกดีๆมากขึ้นมากขึ้นไปอีกเราอยากขยับความสัมพันธ์ครั้งนี้ค่ะหรือว่ามันอยู่แบบนี้ดีแล้วคะ ขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆทุกคนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
PS. ตลอดเวลาที่รอเค้าเรามีแค่เค้าคนเดียวนะคะและอยากอยู่ข้างๆเค้าตลอดไป จนถึงวันที่เค้าปะสบความสำเร็จ